หัวข้อ
Ecosystem Injective ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีอะไรบ้าง
1. Chain Data
หลังจากที่ Injective ได้เปิดตัว Mainnet มาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ในตอนนี้ก็ถือว่าได้มี Ecosystem และสถิติการใช้งานที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปี 2023 ถึงช่วงต้นปี 2024 นั้นมีการเติบโตของโวลุ่มและการใช้งานอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจุบันมีจำนวนธุรกรรมสะสมมากกว่า 550 ล้านธุรกรรม จำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 490,000 คน (Active User) และจำนวนเหรียญ INJ ที่ถูก Stake มากกว่า 50% แล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 6 เมษายน 2024)
2. DApps บน Injective
ภายใน Injective Ecosystem นั้นมีผู้เล่นจากหลากหลาย Sector ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Infrastructure, Wallet, DApps และ Tools ซึ่งโดยรวมมีมากกว่า 200 โปรเจกต์
สำหรับในส่วนของ DApps นั้นตอนนี้ก็มีมากกว่า 30 DApps ที่สร้างบน Injective เรียบร้อยแล้ว โดย DApps ส่วนมากเน้นไปในกลุ่ม DeFi ไม่ว่าจะเป็น DApps สำหรับการเทรด Spot/Derivatives, Lending/Borrowing, Yield Farming, Prediction Market ซึ่งยอดเทรดรวมสะสมของ DApps ทั้งหมดบน Injective มียอดรวมสะสมอยู่ที่ 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ยกตัวอย่างโปรเจกต์เด่นๆที่สร้างบน Injective ตามตารางด้านล่าง
ชื่อโปรเจกต์ | สถานะ | Sector | รายละเอียด | สถานะการออกเหรียญ |
Helix | Mainnet | DeFi | DEX | ยังไม่มีข้อมูล |
Black Panther | Mainnet | DeFi | Yield | จะออกเหรียญภายหลัง |
Talis Protocol | Mainnet | NFTFi | NFT marketplace | $TALIS |
Astroport | Mainnet | DeFi | AMM | $ASTRO |
White Whale | Mainnet | DeFi | Interchain liquidity | $WHALE |
Ninji Wallet | Mainnet | Wallet | Native Injective wallet | ยังไม่มีข้อมูล |
Dagora | Mainnet | NFTFi | NFT marketplace | ยังไม่มีข้อมูล |
Levana Protocol | Mainnet | DeFi | DEX | $LVN |
Gryphon | Mainnet | DeFi | LSD | $nINJ |
DojoSwap | Mainnet | DeFi | AMM + Launchpad | $DOJO |
Ninja Garden | Mainnet | DeFi | LSD + SocialFi | $gINJ |
Moon App | Mainnet | Launchpad | Launchpad | $APP |
Neptune | Mainnet | DeFi | Lending / borrowing | จะออกเหรียญภายหลัง |
Out | Mainnet | SocialFi | SocialFi | จะออกเหรียญภายหลัง |
Hydro Protocol | Mainnet | DeFi | LSD | $HDRO |
Mito | Mainnet | DeFi | Yield vaults + Launchpad | ยังไม่มีข้อมูล |
Exotic Markets | Mainnet | DeFi | Options | จะออกเหรียญภายหลัง |
Aeroscraper | Mainnet | DeFi | Lending / borrowing | จะออกเหรียญภายหลัง |
Ninja Blaze | Mainnet | GameFi | Gaming platform | จะออกเหรียญภายหลัง |
Nouri | Testnet | DeFi | Productivity & Learning | ยังไม่มีข้อมูล |
NexBit | Testnet | DeFi | Prediction | ยังไม่มีข้อมูล |
Temporal | Testnet | DeFi | Yield | จะออกเหรียญภายหลัง |
ขอบคุณข้อมูลจาก Injective
ปัจจุบัน Injective มี Total Value Locked (TVL) อยู่ที่ประมาณ 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลวันที่ 7 เมษายน 2024) โดย DApps ที่มี TVL อันดับหนึ่งบน Injective คือ Hydro Protocol ซึ่งเป็น DApps ที่ให้บริการ Liquid Staking ส่วนอันดับที่สองคือ DojoSwap ที่เป็น AMM DEX และ Launchpad
ส่วนอันดับที่สามคือ Helix ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน DApps ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน Highlight ของ Injective Ecosystem เพราะมีบริการ Helix Insitutional ซึ่งเป็นโซลูชันที่ถูกออกแบบมารองรับการซื้อขายคริปโตฯและ DeFi ในระดับนักลงทุนสถาบันโดยเฉพาะ โดยให้บริการการเทรดสินทรัพย์หลากหลายรูปแบบ ทั้งคริปโตฯ, Forex, Perpetual, Real-world Assets พร้อมกับ Trading Tools ในระดับ Advanced สำหรับความต้องการที่หลากหลายของนักลงทุนสถาบัน นอกจากด้านสถาบันแล้ว Helix ยังน่าสนใจสำหรับนักเทรดรายบุคคลด้วย เนื่องจากมีฟีเจอร์การ Swap ที่ใช้งานง่าย, มี Grid Trading Bots และ LP Rewards โดยผู้วางสภาพคล่องผ่าน Grid Trading Bots ทุกคนจะได้รับ Reward ด้วย
Mito เป็น DApp อีกตัวหนึ่งบน Injective ที่น่าจับตามอง โดย DApp มีประกอบด้วยสองส่วนสำคัญคือ Automated Trading Vaults และ Launchpad โดยสำหรับตัว Automated Trading Vault นั้นมีการใช้ Trading Algorithm และกลยุทธ์ต่างๆที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดรวมถึงจำกัดความเสี่ยงให้ต่ำที่สุด นอกจากนี้ยังทำให้โปรเจกต์ที่มาใช้งานสามารถแจก Reward จาก Vault ให้กับ Community ของโปรเจกต์ได้ โดยผู้ใช้งานที่วาง Liquidity ให้กับ Vault ยังถือเป็นการเพิ่ม Liquidity ให้กับผู้ใช้งานบน Injective ทุกคนด้วย
Injective Venture Group มูลค่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจาก Ecosystem ที่มีอยู่เดิมแล้ว ทาง Injective Venture Group ยังมีการอัดฉีดเม็ดเงินสำหรับโปรเจกต์ต่างๆที่จะมาเปิดตัวบน Injective จึงได้มีการตั้งกองทุน Ecosystem Fund โดยการสนับสนุนจาก VCs ชื่อดังเช่น Pantera, Jump Crypto, IDG Capital, Kucoin Ventures, Kraken Ventures, Delphi Labs, Gate Labs and Flow Traders รวมมูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว
Injective Tokenomics
Injective นั้นถูกดูแลและจัดการโดย DAO ผ่านเหรียญประจำบล็อกเชนนั่นก็คือ INJ โดย INJ นั้นเรียกได้ว่ามีประโยชน์และเป็นส่วนสำคัญของระบบ Injective อย่างมาก โดยการใช้งานของ INJ นั้นประกอบไปด้วย
- Protocol Governance: INJ นั้นเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางของ Injective รวมถึงการพัฒนาระบบของบล็อกเชน Injective ซึ่งตั้งแต่มีการเปิดใช้งาน Mainnet มา ชุมชนของ Injective ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการโหวต Proposal ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
- Protocol Fee Value Capture: บล็อกเชน Injective นั้นได้มีระบบ On-Chain Buy-Back-and-Burn ที่เป็นระบบในการเพิ่มมูลค่าให้เหรียญ INJ ผ่านการลดปริมาณ INJ อยู่ทุกสัปดาห์ โดยรายละเอียดเพิ่มเติมจะอยู่ในส่วน INJ 2.0
- Tendermint-based Proof-of-Stake (PoS) Security: เหรียญ INJ นั้นมีส่วนในการรักษาความปลอดภัยให้กับบล็อกเชน Injective ผ่านระบบ Proof-of-Stake โดยการฝาก (Staking) เปิดให้กับทุกคนไม่ว่าจะทั้ง Validator และ Delegator โดยคนที่ฝากจะได้รางวัล (Rewards) เป็นผลตอบแทนอีกด้วย
- Developer Incentives: 40% ของค่าธรรมเนียมที่เก็บได้จาก dApps บน Injective นั้นจะนำไปใช้เป็นรางวัลหรือผลตอบแทนให้กับผู้พัฒนาหน้าใหม่ๆ ที่เข้ามาสร้าง dApps บน Injective ซึ่งจะสร้างรากฐานที่ดีให้กับบล็อกเชน Injective ในระยะยาว
INJ 2.0: Injective Token Upgrade
ทำความรู้จักกับ Token Burn
ระบบ Token Burn ส่วนมากจะดำเนินการผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “Proof of Burn” ซึ่งในกระบวนการนี้ เหรียญจะถูกส่งไปยังกระเป๋าเฉพาะเรียกว่า Burn Address หรือ Black Hole (หลุมดำ) โดยทุกเหรียญที่ถูกส่งไปยังกระเป๋าเหล่านี้จะไม่สามารถถูกนำกลับมาได้ และเป็นการลดปริมาณเหรียญของโปรเจกต์ลงอย่างถาวร และเพื่อเป็นการพิสูจน์ความโปร่งใสว่ามีการลดปริมาณเหรียญลงจริงๆ ก็จะมีการเปิดเผยรายละเอียดธุรกรรมที่เหรียญนั้นๆ ถูกส่งไปทำลายเป็นสาธารณะอีกด้วย
สำหรับการตัดสินใจที่จะทำ Token Burn นั้นจะมาจากทีมงานของโปรเจกต์เองที่ตัดสินใจลดปริมาณเหรียญลงด้วยเหตุผลต่างๆ และจำนวนที่จะทำลายนั้นก็อาจจะถูกประเมินจาก Transaction Volume (ปริมาณธุรกรรม) Project Milestone (ความสำเร็จของโปรเจกต์) หรือจากการที่ในชุมชนเป็นผู้โหวตปริมาณก็ได้เช่นกัน
ข้อดีของ Token Burn ในคริปโตเคอร์เรนซี
- เพิ่มมูลค่าเหรียญ: การทำลายเหรียญนั้นเป็นการลดปริมาณเหรียญลงในระบบอย่างถาวร ซึ่งพอเหรียญขาดแคลนมากขึ้นแต่ความต้องการยังมีเท่าเดิม ก็จะทำให้มูลค่าเหรียญสูงขึ้นได้
- สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน: การลดปริมาณเหรียญช่วยให้เหรียญมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนว่าโปรเจกต์ยังคงใส่ใจในการพัฒนาต่อไป และไม่ได้ละเลยโปรเจกต์
- สร้างเสถียรภาพให้ตลาด: การลดปริมาณเหรียญยังช่วยให้การเทขายเกิดขึ้นได้น้อย เนื่องจากปริมาณเหรียญที่น้อยทำให้รายใหญ่สะสมเหรียญได้ยากขึ้น
- การเติบโตระยะยาว: การเพิ่มมูลค่าให้เหรียญผ่านการทำลายเหรียญอย่างรอบคอบนั้นจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้เหรียญในระยะยาว เป็นประโยชน์แก่นักลงทุนอีกด้วย
ระบบ Token Burn ในช่วงแรกของ INJ
ใน Injective ระบบ Token Burn นั้นมีความเป็นเอกลักษณ์และมีระบบการทำงานดังนี้
- ทุกๆ สัปดาห์ 60% ของค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นจาก DEX บน Injective จะถูกนำมารวมกัน (Auction Basket)
- ค่าธรรมเนียมตรงนี้จะถูกเสนอขายผ่านการประมูลให้คนในชุมชนสามารถลงเงินแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงรางวัลค่าธรรมเนียมตรงนี้ได้ โดยผู้ที่ประมูลราคาสูงที่สุด (Highest Bid) ก็จะได้รางวัลไป
- ปริมาณเหรียญที่ถูกทำลายก็คือปริมาณเงินที่ชนะการประมูลนั่นเอง
ระบบนี้นั้นนำส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียมที่สะสมได้มาสร้างเป็นกิจกรรมให้กับชุมชน มีส่วนช่วยให้ชุมชนนั้นมีความ Active อยู่ตลอดอีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้เหรียญ INJ ในระยะยาวอีกด้วย จนถึงตอนนี้ได้มีเหรียญ INJ ถูกทำลายไปแล้วกว่า 5.7 ล้านเหรียญด้วยกันด้วยกระบวนการนี้
การพัฒนาไปอีกขั้นกับ INJ 2.0
ใน INJ 2.0 นั้นระบบ Token Burn จะถูกพัฒนาไปอีกหนึ่งขั้น โดยแต่เดิมที่จะมีแค่ dApps อย่าง DEX ที่มีส่วนร่วมในการโอนค่าธรรมเนียมไปลงในตะกร้าประมูล ในระบบใหม่จะไม่จำกัดแค่ DEX อีกต่อไป แต่จะเปิดให้ dApps ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น DeFi หรือ NFT Marketplace ที่อยู่บน INJ ก็สามารถมามีส่วนร่วมกับระบบ Token Burn ได้
นอกจากนี้หากแพลตฟอร์มนั้นๆ ต้องการก็สามารถเพิ่มค่าธรรมเนียมที่จะโอนเข้ามามีส่วนร่วมกับระบบประมูลได้สูงสุดเป็น 100% ของค่าธรรมเนียมที่เก็บได้เลยทีเดียว ซึ่งการเพิ่มความหลากหลายของแพลตฟอร์มที่เข้ามามีส่วนร่วมอีกทั้งยังให้อิสระในปริมาณค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นมา ก็เรียกว่าเป็นการกระจายอำนาจให้แต่ละแพลตฟอร์มให้ได้มีส่วนร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าให้กับเหรียญ INJ (สร้างภาวะเงินฝืด) และสร้างคุณค่าในระยะยาวให้กับโปรเจกต์ Injective ทั้งหมดอีกด้วย
การระดมทุน, Roadmap และอนาคตที่น่าจับตามองของ Injective
การระดมทุน
Injective ถือเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่ระดุมทุนได้จาก VCs ชั้นนำหลายเจ้า เช่น Binance Labs, Jump Crypto, Pantera, Hashed Fund, Blocktower Capital และ Mark Cuban รวมถึงเป็นโปรเจกต์ที่ได้รับการ Incubate จากทาง Binance Labs ด้วย โดยจากข้อมูลในปัจจุบัน ทาง Injective ได้รับเงินระดมทุนไปมากกว่า 57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้วยเม็ดเงินสนับสนุนจาก Backer ชื่อดัง และ Ecosystem ที่เติบโตอย่างรวดเร็วทำให้ปี 2024 เป็นปีที่น่าจับตามองพัฒนาการของทางโปรเจกต์
Tokenization & AI
โดยนอกจากจะมี DApps เริ่มมาเปิดตัวมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ทางโปรเจกต์ยังมีการพัฒนา Infrstructure เพื่อให้นักพัฒนาและผู้ใช้งานมีประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น รวมถึงรองรับเทรนด์ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น RWA Tokenization ที่กล่าวไปแล้วในช่วงต้นของบทความ ซึ่งทาง Injective ก็ไม่ได้มีเพียง RWA Module ที่รองรับการทำ Tokenization เท่านั้น แต่ยังจะทำให้มี Ecosystem รองรับการใช้งานต่อยอด Tokenized Asset ได้ด้วย
ซึ่งนอกจากเทรนด์ RWAs แล้ว ทาง Injective ยังได้นำเสนอ Injective AI Search เพื่อให้นักพัฒนาสามารถใช้ Open AI Stack ใช้เป็นตัวช่วยในการค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็วในระหว่างการพัฒนาโปรเจกต์บน Injective
นอกจากนี้ทาง Injective ยังมีแผนที่จะ Integrate AI สำหรับโปรเจกต์ที่จะมาพัฒนา DeFi DApps โดยอาจรองรับฟีเจอร์อื่นๆเพิ่มเติมอย่าง AI-Powered Trading ที่จะช่วย Optimize การเทรดบน DEX และอื่นๆ จึงน่าจับตาดู Injective ต่อไปในปี 2024 ว่าจะมีพัฒนาการเกี่ยวกับ AI อะไรใหม่ๆอีกบ้างเพื่อมาสร้างนวัตกรรมให้กับ DeFi ตามวิสัยทัศน์ของโปรเจกต์
Token Launcher
ทาง Community ของ Injective ได้เปิดตัว TokenStation ซึ่งเป็นเครื่องมือในการสร้างเหรียญได้โดยที่ไม่ต้องมีความรู้ในด้านการเขียนโค้ด โดยนอกจากจะสามารถใช้ TokenStation ในการสร้างเหรียญแล้ว ยังมีฟังก์ชั่นอื่นๆให้ด้วย เช่น การ Burn เหรียญตามเกณฑ์ที่กำหนด เป็นต้น
บทสรุป
Injective ถือเป็นอีกหนึ่งในบล็อกเชน Layer 1 ที่น่าจับตามองในปี 2024 โดยถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานในด้าน DeFi โดยเฉพาะ โดย Injective จัดว่ามี Technology เฉพาะตัวที่ค่อนข้างโดดเด่น โดยโฟกัสไปที่การ Optimize ฟังก์ชั่นต่างๆให้เหมาะกับการเทรดและการใช้งานเกี่ยวกับ Finance และ RWAs ในด้านต่างๆ ตั้งแต่แบบขั้น Basic ไปถึงขั้น Advance รวมถึงรองรับการใช้งานระหว่างเชนได้แบบสมบูรณ์
นอกจากนี้ Injective Ecosystem, สถิติการใช้งาน และ TVL ยังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2023 ภึงต้นปี 2024 และยังมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่องจากการอัดฉีดเม็ดเงินผ่าน Venture Group สำหรับโปรเจกต์ต่างๆที่จะมาเปิดตัวบน Injective อีกด้วย
ส่วนในแง่ของพัฒนาการของโปรเจกต์ก็จะเห็นได้ว่ามีอะไรใหม่ๆออกมาต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นช่วงตลาดหมีหรือตลาดกระทิง ไม่ว่าจะเป็น inEVM, RWA Modules, AI-Powered Trading ทำให้เห็นว่าทางโปรเจกต์มีวิสัยทัศน์ในการเป็นมากไปกว่าการเป็นแค่ Layer 1 ทั่วไป นอกจากนี้ เหรียญ INJ ยังมี Tokenomics ที่น่าสนใจ และยังมีกระบวนการการสร้างมูลค่าของเหรียญได้ตามแนวทางของตัวเองที่ถือว่าค่อนข้างน่าจับตามอง
ดังนั้น เราเชื่อว่าโปรเจกต์ Injective มีศักยภาพในการเติบโตได้สูงในอนาคต เนื่องจากโปรเจกต์ได้รับการพิสูจน์มาค่อนข้างยาวนาน รวมถึงมีประวัติที่เห็นได้ชัดว่ามีการพัฒนาโปรเจกต์ออกมาอย่างต่อเนื่องในทุกสภาวะตลาด ทำให้ Injective ถือเป็นอีกโปรเจกต์ที่ควรค่าแก่การศึกษาและติดตามเพื่อค้นหาโอกาสการลงทุนภายใน Ecosystem
.
สามารถติดตามข่าว Injective ได้ที่: https://twitter.com/injective
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับ Injective ได้ที่กลุ่ม TG ประเทศไทย: https://t.me/injectivethai
ขอขอบคุณบทความจาก https://cryptomind.group/research/injective-deepdive/